SOD หรือ Superoxide Dismutase คืออะไร?
ซุปเปอร์ออกไซด์ดิสมิวเทส คือเอนไซม์ชนิดหนึ่งในระบบป้องกันที่เป็นตัวทำลายอนุมูลอิสระที่เกิดจากการเผาผลาญภายในเซลล์ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญของร่างกาย เอนไซม์ชนิดนี้มีอยู่ในร่างกายตั้งแต่แรกเกิดแต่จะมีปริมาณลดลงเรื่อยๆเมื่ออายุมากขึ้น

การกำจัดอนุมูลอิสระด้วยเอนไซม์ซุปเปอร์ออกไซด์ดิสมิวเทส Superoxide dismutase (S.O.D.) โดยขั้นแรก S.O.D. จะเปลี่ยนอนุมูลอิสระให้เป็นไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H2O2) ก่อนแล้วหลังจากนั้นจะมีการทำปฏิกิริยาต่อด้วยเอนไซม์คะตาเลส (Catalase) ทำให้ได้น้ำ(H2O) และก๊าซออกซิเจน เป็นผลิตภัณฑ์สุดท้ายซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
ส่วนอีกวิธีไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ที่เกิดขึ้นจะทำปฏิกิริยากับกลูตาไธโอนโดยมีกลูตาไธโอนเปอร์ออกซิเดสเป็นเอนไซม์เร่งปฏิกิริยาแล้วในที่สุดจะได้น้ำและก๊าซออกซิเจน เป็นผลิตภัณฑ์สุดท้ายเช่นเดียวกัน ดังนั้น S.O.D. จึงเป็นเอนไซม์ที่สำคัญมากเพราะถ้าขาดจะทำให้ไม่สามารถเกิดปฏิกิริยาต่อเนื่องในการเปลี่ยนอนุมูลอิสระให้เป็นสารที่ไม่มีพิษเช่นน้ำและออกซิเจนได้
สารต้านอนุมูลอิสระสามารถลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆโดยเฉพาะโรคเรื้อรังที่สัมพันธ์กับอาหารเช่นโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคทางสมอง เช่นอัลไซเมอร์ เป็นต้น รวมทั้งช่วยชะลอกระบวนการบางขั้นตอนที่ทำให้เกิดความแก่โดยปกติแล้วร่างกายสามารถกำจัดอนุมูลอิสระก่อนที่มันจะทำอันตรายต่อร่างกาย แต่ถ้ามีการสร้างอนุมูลอิสระมากเกินกว่าที่ร่างกายจะสามารถกำจัดมันได้ในทันที อนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจะสร้างความเสียหายต่อเซลล์และเนื้อเยื่อได้ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพ สารต้านอนุมูลอิสระลดความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระได้ 2 ทางคือลดการสร้างอนุมูลอิสระในร่างกาย ลดอันตรายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ
งานวิจัยแสดงให้เห็นภาพว่า SOD ในเมล่อนฝรั่งเศสมีมากกว่าสายพันธ์อื่นๆ
ผลงานวิจัยพบว่า เมล่อนฝรั่งเศสมีสาร SOD หรือ Superoxide Dismustase มากกว่าเมล่อนทั่วไปถึง 7 เท่า โดยนำเมล่อนสายพันธ์จากประเทศฝรั่งเศส วางคู่กับเมล่อนทั่วไปเป็นเวลา 24 วัน และทำการบันทึกวีดีโอเพื่อสังเกตุการเปลี่ยนแปลง จะเห็นได้ชัดเจนว่าเมล่อนทางด้านซ้ายนั้นเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว แต่เมลล่อนทางด้านขวามีความเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย โดยผลการวิจัยนี้ได้รับการยอมรับในวงการแพทย์ทั่วโลก


ภาพแสดงประสิทธิภาพการปกป้องร่างกายจากอนุมูลอิสระ พบว่าสาร SOD มีประสิทธิภาพสูงสุด เมื่อเทียบกับกลุ่มสารอาหาร อย่างวิตามิน A, C, E, โคคิว10 และ กลูต้าไธโอน
0 comments